ชีวิตการเรียนที่ MIT เป็นยังไง?

ชีวิตการเรียนที่ MIT เป็นยังไง? ปาร์ตี้เยอะไหม? Culture เป็นแบบไหน? มาฟังจากพี่ขวัญ Associate Partner ของ Mission To Top U ปัจจุบันเรียนอยู่ที่ MIT MBA กันค่ะ

Q1: เรียนอยู่ Boston เป็นไงบ้าง รู้สึกชอบไม่ชอบยังไงบ้าง เทียบกับประเทศไทย?

P’Kwan: ถ้าเทียบกับประเทศไทย อย่างแรกที่เจอคืออากาศหนาว ด้วยความที่ขวัญเป็นคนที่ขี้หนาวมาก เพราะงั้นปีแรกต้องปรับตัวเยอะหน่อย พอปี 2 ก็เริ่มโอเคและ รู้สึกว่าตัวเองมีการ adapt อะ ตอนนี้แบบสมมติ 10 องศา สามารถออกไปเดินชิวๆ ได้ ปีแรกไม่ได้เลย เรื่องที่สอง รู้สึกว่า Boston เป็นเมืองที่เรียบง่าย เป็นเมืองที่ชิวประมาณนึง ด้วยความที่ MIT จริงๆ แล้วโลเคชั่นอยู่ติดกับแม่น้ำ Charles มันจะให้อารมณ์แบบ ตอนเย็นๆ ก็จะมีคนมาวิ่งกัน มีพระอาทิตย์ตก มันจะสโลว์ไลฟ์ประมาณนั้นเลย เพราะฉะนั้นก็จะแตกต่างจากอยู่กรุงเทพเยอะเหมือนกัน แต่รายละเอียดข้างใน ขวัญว่าก็แล้วแต่คนชอบนะ มันมีหลายอย่าง บอสตันเป็นเมืองที่เดินทางสะดวก มีรถไฟฟ้าใต้ดิน มีรถเมล์ที่ค่อนข้างโอเค ไปไหนมาไหนง่าย ค่าใช้จ่ายสูงกว่าเมื่อเทียบกับกรุงเทพ มี homeless บ้างเล็กน้อย คือถ้ามาอาจจะต้องศึกษานิดนึงว่าแหล่งไหนเยอะน้อยยังไงครับ

Q2: ที่พักห่างจาก MIT ประมาณไหนครับ?

P’Kwan: แล้วแต่คนเลยนะ ที่พักก็จะมี On campus กับ Off campus ถ้าตัวขวัญเอง ขวัญอยู่ on campus ค่อนข้างใกล้ เดินไปเรียนได้ไม่เกิน 20 นาที แต่ว่ามันก็มีหลายจุด ถ้าเดินก็ได้ บางคนก็อยู่นอกเมืองไปเลยก็มี ก็อาจจะต้องอยู่ติดรถไฟใต้ดิน เพราะว่าสถานีมันถึง Sloan เลย มันก็สะดวก การเดินทางก็ง่าย รถเมล์ก็ใช้บ่อย ด้วยความที่รถเมล์ที่นี่มันตรงเวลา เราสามารถกะเวลาเองได้ประมาณนึง เป็นการเดินทางที่ถูกกว่า Uber หรือ Lyft และถึงเร็วพอๆ กันครับ

Q3: Culture ที่ MBA MIT เป็นยังไงบ้างครับ?

P’Kwan: พอพูดถึง Culture MBA ของ MIT ที่ขวัญรู้สึกคือ ค่อนข้างเปิดกว้าง เปิดกว้างคือหมายถึงว่า ทุกคนค่อนข้าง open กับทุกอย่าง ประมาณว่าเวลามาเจอกัน สมมติเราต่างวัฒนธรรมหรืออะไร ค่อนข้างที่จะรู้สึกว่าคุยกันได้ เขาจะไม่รู้สึกว่าทำไมถึงคิดอย่างงั้น หรือต่อให้รู้สึกอยู่ในใจ เราก็จะดูไม่ออกหรอกว่าเขาคิดอะไร เขาจะค่อนข้างเปิดรับมากๆ culture ใหม่ๆ ประมาณว่าทีนี่เป็นแบบนี้หรอ ไม่ได้ดู shock แต่จะ embrace มากกว่าครับ

Q4: MIT เท่ากับ Nerd ไหมครับ?

P’Kwan: ถ้าตอบตรงๆ ขวัญว่าก็ nerd นะ ขวัญรู้สึกว่าหนึ่งคือแล้วแต่คน แต่ถ้า overall คือโดยรวม ถ้าถามว่า nerd ไหม ขวัญว่าก็ nerd  คือความ nerd ของ MIT มันคือความที่เราอยากรู้อยากเห็น มีความรู้สึกว่า พอเราเห็นอะไรที่มันใหม่ เราอยากรู้ว่ามันคืออะไร อยากเรียนรู้เพิ่ม อยากถามคำถามที่เป็น detail มันทำงานยังไง  และที่ MIT เท่าที่ขวัญได้คุยกับเพื่อน ในคลาสเรียนคือมีความ technical มากกว่า ในบางส่วน ยกตัวอย่างเช่น สมมติเราเรียนคลาส Stats เด็ก MBA ทุกคนต้องเขียน R programming คือในคลาส เขาไม่ได้ require มาก่อนนะ คลาสเขา structure ให้กับคนที่ไม่เคยเขียน R มาก่อน ก็จะสอนให้ลงมือเขียนได้ แต่มัน hand on สุดท้ายทุกคนก็ต้องเรียนคลาสนี้ คลาสนี้เป็น 1 ใน core เรื่องที่สอง คือ environment โดยรวมอะ MIT มันคือที่ที่นักวิทยาศาสตร์หรือคนในด้าน tech อยู่ๆ แล้ว บางครั้งเราก็จะได้คุยกับคนแบบนั้น ซึ่งเขาก็จะ nerd ตัวจริงอยู่แล้ว เราก็จะได้ซึมซับครับ

Q5: โอกาสไหนที่เราจะได้คุยกับคนกลุ่มนั้น?

P’Kwan: : คือขวัญว่ามี 2 แบบ แบบแรกคือ school เขาออกแบบให้มี event ต่างๆ อยู่แล้ว สมมติ สำหรับเด็ก MBA ยิ่งถ้าคนอยากจะทำ tech เขาก็จะมี event จัดให้ซึ่งก็คือการรวมตัวกันของคนฝั่ง business ที่เป็นสาย tech ที่สนใจในด้านต่างๆ มันจะมีพวก event เหล่านี้ที่ทำให้ไปคุยกันได้ บางคนอาจจะสนใจ BioTech ซึ่งที่ MIT ก็อาจจะมีคนที่ทำ research เป็น PhD student ที่ทำเรื่อง tech ซึ่งเขาไม่ได้เก่งเรื่องการทำ product commercialize แต่อาจจะมีเด็ก MBA ที่อยากทำเรื่องนี้ก็ไปตาม event เหล่านี้ก็อาจจะได้เจอกัน แบบที่สอง สมมติอย่างขวัญ ถ้าขวัญอยู่หอใน มันไม่ได้มีแค่ MBA อยู่แล้ว คนที่มาอยู่ที่นี่ จะเป็น Master จะเป็น PhD มีหมด แล้วหอเองเขาก็จะมีกิจกรรมอยู่แล้ว weekly เราสามารถมีเพื่อนเป็นคณะอื่นๆ ได้จากกิจกรรมเหล่านี้เหมือนกันครับ

Q6: พี่ขวัญเรียน Major อะไรครับ?

P’Kwan: ที่ MIT มี 3 เมเจอร์ เรียกว่า 3 tracks มี FINANCE, ENTERPRISE MANAGEMENT ENTREPRENEURSHIP & INNOVATION ขวัญเรียน FINANCE แต่ว่า MIT จะมีเหมือน certificate ไม่ว่าจะอยู่ track ไหนก็สามารถรับ certificate ได้ ยกตัวอย่างเช่น มีใบ certificate product management, business analysis, sustainability จริงๆ MIT ไม่บังคับ จะมี track หรือไม่มีก็ได้ จะมี certificate ก็ได้ เป็น optional เพราะบางที track ที่เราอยากเรียน มันมีบางวิชาที่เขาบังคับแล้วเราไม่อยากเรียน มันก็จะไม่ไปกับ track แล้วอะครับเลยไม่บังคับ 

Q7: ว่ากันด้วยเรื่องคลาสมีคลาสไหนที่น่าสนใจและอยากแนะนำให้น้องๆ ต้องมาลองเรียนไหมครับ?

P’Kwan: ขวัญว่าที่ MIT มีหลักๆ 2 แบบ คือ คลาสที่ดีด้วยตัวมันเองกับ สองคือ อาจารย์ดี ที่นี่ overall คลาสของ MIT มันหลากหลายมากๆ เพราะฉะนั้น คนที่มาสามารถได้เรียนที่ตัวเองอยากเรียนได้แน่นอน สองคือ วิชาที่แบบฮิตๆ ขวัญยกตัวอย่างเลย Power and Negotiation เป็นวิชาที่เนื้อหาดี ขวัญรู้สึกว่ายังไงก็ควรจะเรียนนะ ในความรู้สึกของขวัญนะ มันจะเป็นแนว soft skill นิดนึง ยกตัวอย่างเช่น ในชีวิตประจำวัน เราไม่ได้มาฝึกการ Power and Negotiation เหมือนที่มาทำที่ MIT ถือเป็นคลาสดีที่ไม่ต้องพึ่งอาจารย์ อีกหมวดนึงคือ เป็นอาจารย์ดี ซึ่งบางครั้ง ขวัญรู้สึกว่าอาจารย์ดีมีผลเยอะมาก มันจะทำให้เราสนุกกับคลาสไปเอง ต่อให้บางทีเนื้อหามันอาจจะไม่ได้น่าสนใจแต่ถ้าเราไปเจออาจารย์ที่ดีอะ มันจะรู้สึกว่ามีประโยชน์ขึ้นมาทันที ซึ่งคลาสส่วนใหญ่ที่ขวัญเรียนมีอะไรบ้าง หนึ่ง คือ DMD มันคือคลาส stats ซึ่งเป็น core ด้วยนะ มันก็อาจจะยากนิดนึงตรงที่จะเลือกอาจารย์เองไม่ได้ เทอมแรกของ MIT เขาบังคับอยู่แล้ว เขาจะสุ่มอาจารย์ให้เรา อาจารย์ชื่อว่า Rama และเขาสอนคลาสอื่นด้วย ถ้าใครมีดอกาสได้เรียนที่ MIT ให้ลองเสิร์ชชื่ออาจารย์คนนี้แล้วไปเรียนกับเขาดู เขาเป็นคนที่สอนเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย เข้าใจได้ง่ายมากๆ สองมีอาจารย์ชื่อ Andrew W. Lo เขาสอนวิชา Financial Market Dynamics การสอนของเขาก็จะมา challenge finance ที่เราเรียนกันมาว่าทฤษฎีต่างๆ ที่เราเรียนกันมามันไม่ใช่ว่าไม่ถูกนะ แต่มัน incomplete การเรียนวิชาเขาจะทำให้เราเข้าใจ finance มากยิ่งขึ้น แต่มันดีมากในแต่ละคลาสเหมือนไปดูโชว์ คืออาจารย์เขาเตรียมตัวดีมาก แล้วคลาสนึง 3 ชั่วโมง การที่ไปนั่งดูเขา 3 ชั่วโมง มันซึมซับได้หมด ไม่ง่วง ทุกคน engage ที่เหลือก็มี สายเนิร์ดก็จะอยากเรียนกับ Nobel prize ก็มีนะครับ

Q8: คลาสเรียน เรียนยากไหมครับ?

P’Kwan: ไม่ยากครับ คือขวัญจะบอกว่า A ช้วนยากมาก B ช้วยง่ายมาก แล้วก็ปีสุดท้ายมันมีคลาส advanced เยอะมาก แต่ว่าพวกคลาส advanced มันแล้วแต่เราแล้วอะว่าเราอยากจะไปลงมั้ย ส่วนใหญ่มันก็จะยากอยู่แล้ว technical เยอะหน่อย คำนวณเยอะหน่อย เป็น case based เขาก็พยายามเอา case มา แต่ละ case ก็เป็น case จาก Harvard อยู่และก็จะเรียนคล้ายๆกันครับ

Q9: เรื่อง lifestyle สายปาร์ตี้ สนุกไหมครับ?

P’Kwan: ถ้าเรียน MBA ขวัญรู้สึกว่าไม่ว่าจะไป U ไหน ไม่ต้องกังวลเรื่องปาร์ตี้เลย ปารืตี้มีทุกวันอยู่แล้ว สิ่งที่ยากกว่าคือเราไม่ไปปาร์ตี้ไหนดีกว่า ยิ่งไปเยอะงานเราก็ยิ่งเยอะ แต่ขวัญว่าไม่ต้องกังวลเลย สำหรับคนชอบปาร์ตี้ มีให้แน่นอน คนที่ไม่ชอบปาร์ตี้ก็มาได้นะ ต่อให้ไม่ดื่มก็มาได้ครับ

Q10: Boston เป็นเมืองที่มีมหาวิทยาลัยดังๆ เยอะมาก เช่น Harvard, Boston U., Boston College Babson U. ขวัญเจอคนจากมหาวิทยาลัยอื่นๆ เยอะไหมครับ?

P’Kwan: แต่ละช่วงเจอไม่เท่ากัน ถ้าเฉลี่ยน่าจะอยู่ประมาณ 2 อาทิตย์ครั้งที่จะเจอแบบคนมหาวิทยาลัยอื่นบ้าง จริงๆ ใน Boston MIT เอง มีงาน Biannual ที่เราเป็นโฮส หมายถึงว่าคนไทยชวนคนไทยใน Boston ใครก็ได้มาเจอกัน ปีละสองครั้ง เพราะฉะนั้นได้เจอทุก U แน่นอน ที่เป็นคนไทยอาจจะอยู่ใน Boston หรือบริเวณรอบๆ ไม่เหงาแน่นอนครับ

Q11: อยากให้ฝากอะไรถึงน้องๆ ที่อยากไป MIT หน่อยครับ?

P’Kwan: เป็นกำลังใจให้ทุกคนที่กำลังเผชิญหน้าไม่ว่าจะเป็น application หรือ GMAT หรืออะไรก็ตาม คือขวัญเข้าใจว่ามันยากอยู่แล้ว ถ้ามันไม่ยากเราก็คงไม่อยากมากัน สุดท้ายแล้ว ขวัญอยากให้ตั้งเป้าเอาไว้ในใจของเรา ว่าเราอยากจะไป เมื่อไหร่ก็ตามที่ goal ของเราคืออยากจะไป มันก็จะ fix เรา แล้วเราก็จะทำไปเรื่อยๆ จนกว่าเราจะได้ไป เราก็จะทำให้ดีที่สุด สู้ๆไปด้วยกันครับ


รับเคล็ดลับเรียนต่อฟรี ส่งถึงมือทุกสัปดาห์ 

น้องๆที่จะสมัคร ไปเรียนต่อ MBA หรือ Master’s Degree สายอื่น อย่าพลาด
ปรึกษาฟรี!!!! คลิกเลย FREE CONSULTATION
ฟังเรื่องราวความสำเร็จของนักเรียน MTU คลิกเลย

บทความที่เกี่ยวข้อง

สอบ GMAT อีกรอบดีมั้ย ?

สอบ GMAT อีกรอบดีมั้ย ? 7 ปัจจัย วิเคราะห์ตัวเองว่าเราควรสอบ GMAT ใหม่หรือไม่ คำถาม 7 ข้อ ให้น้องลองย้อนกลับไปถามตัวเองว่าแล้วเราควรสอบ GMAT อีกรอบดีมั้ย  คำถามที่ 1 เรามีเวลาก่อนที่จะสมัคร GMAT ใหม่มากน้อยแค่ไหน หรือเราจะไปสร้างโปรไฟล์ด้วยการทำกิจกรรมเพิ่มดีกว่ามั้ย เรื่องการบริหารจัดการเวลาเป็นสิ่งสำคัญ How much time

Read More »

EP139: การวิเคราะห์ Covid-19 แบบคนจะสอบ GMAT

สถาณการณ์ Covid-19 เป็นอย่างไร หากเราเอาหลักของ GMAT มาช่วยวิเคราะห์ มาฟังกันค่ะ ครูพี่เจส ภัคศิกร ทับทิมทอง อดีต Admissions Committee ที่ Kellogg, Northwestern University และเป็นผู้บริหารบริษัท Mission To Top U TopU Talk The

Read More »

EP86: Top MBA in Finance

มหาวิทยาลัยอันดับต้นๆในด้านการเงิน Wharton 2. NYU Stern 3. Columbia 4. Chicago Booth 5. Stanford ครูพี่เจส ภัคศิกร ทับทิมทอง อดีต Admissions Committee ที่ Kellogg, Northwestern University และเป็นผู้บริหารบริษัท Mission To

Read More »
Scroll to Top