เคล็ดลับสอบติด MIT MBA

 ทำไมเลือก MIT ต้องจบวิศวะมั้ย ถึงจะเข้า MIT ได้ ฟังเคล็ดลับจากพี่ขวัญ Associate Partner ของ Mission To Top U ปัจจุบันเรียนอยู่ที่ MIT MBA กันค่ะ

Q1: อยากให้พี่ขวัญแนะนำตัวเองกับน้อง ๆ หน่อยครับ?

P’Kwan: พี่ขวัญจบปริญญาตรีวิศวะ ที่จุฬาครับ แล้วก็มีโอกาสได้เข้าทำงานกับ Bank แห่งหนึ่ง ทำงานประมาณ 3 ปีนิดๆ แล้วก็มาเรียน MIT Sloan ซึ่งขวัญเลือก Finance track โดยเฉพาะครับ

Q2: ทำไมถึงตัดสินใจไปเรียนต่อ หลังจากทำงานมา 3 ปีครับ?

P’Kwan: สำหรับขวัญรู้สึกว่า ยิ่งไปเร็วมันยิ่งตอบโจทย์ของขวัญ เรารู้สึกว่าประสบการณ์ที่เราได้มามันเพียงพอที่จะ discuss กับเพื่อนๆ หรือมันเพียงพอที่จะเข้าใจเพื่อนๆ ในคลาสแล้ว ด้วยความที่ role ที่ขวัญทำ มันค่อนข้างที่จะ business อยู่ประมาณนึง เราก็เคยรู้สึกว่าโอเค ความรู้ประมาณนี้น่าจะใช้ได้สามารถใช้ได้ ทีนี้ก็เลยตัดสินใจว่าเราตั้งใจจะไปให้เร็วที่สุด เพราะว่าหลังจากที่กลับมาเราก็อยากจะใช้ความรู้ตรงนี้ต่อด้วย ส่วนใหญ่แล้ว มหาวิทยาลัยก็จะมี minimum ของ years of work experience ซึ่งในแต่ละที่แตกต่างกัน สมมุติของ MIT ต้องการ 3 ปี ยกเว้นบางโปรแกรมที่พิเศษมากๆ เขาก็อาจจะขอคนที่มีประสบการณ์ทำงานมาแล้วประมาณ 1-2 ปี

Q3: นอกจาก MIT แล้วพี่ขวัญสมัครที่ไหนบ้างครับ?

P’Kwan: ขวัญสมัครไปเยอะพอสมควร strategies ขวัญคือการสมัครในที่ที่เรามี potential ไปก่อน เพราะเดี๋ยวยังไงคุณครูก็จะเลือกเราอีกที พอเขาเลือกเราแล้วเราก็จะเลือกเขาอีกที ก็เลยสมัคร Harvard, Stanford, Wharton, MIT, Chicago: Booth, Berkeley: Haas, Kellogg ประมาณนี้ เขาเรียก 5 ที่ จริงๆขวัญแบ่งเป็นรอบๆ นะ รอบแรก ส่งไปก่อน 5 ที่ เป็น รอบสองส่งไป 3 ที่ ที่เรียกคือรอบแรก 5 ที่ ส่วนรอบสองไม่ได้เรียกครับ

Q4: อะไรที่ทำให้พี่ขวัญเลือก MIT ครับ?

P’Kwan: จริงๆ ขวัญอยากเข้า MIT ตั้งแต่ ม.ปลายครับ MIT มันอยู่ในหัวตั้งนานแล้ว พอเราเรียนวิศวะอีก ก็ยิ่งได้ยินเกี่ยวกับ MIT อีก มันก็เหมือนเป็นมหาลัยนึงที่ถ้าเราได้มีโอกาส เราก็อยากจะ take โอกาสนั้น อันนี้น่าจะเป็นส่วนที่สำคัญสุดเลยแหละสำหรับขวัญ 

Q5: MIT ต้อง GMAT เท่าไหร่ครับ?

P’Kwan: ถ้าขวัญจำไม่ผิดนะ เอา Average score จะประมาณ 730 เพราะฉะนั้นถ้าได้ average จะดีมาก ที่น่าจะพอมีลุ้นแบบไม่ได้เหงื่อตกมากก็คือ 700+ ถ้า 700 ขึ้นไป ถ้าต่ำกว่านั้นอาจจะเหงื่อตกนิดนึง เพราะต้องทำ criteria อื่นๆ ให้ profile เรา overall มันดี ส่วน GPA คือถ้าเกียรตินิยมอันดับ 1 ก็จะเป็นอะไรที่ดี แต่ถ้าเกรดเราต่ำลงมามันก็มีผลแหละ แต่มันกลายเป็นว่า ถ้าเรารู้ว่า GPA เราต่ำเนี่ย เรายิ่งอยากพยายามให้ ยกตัวอย่าง คะแนน GMAT เราสูง เพื่อให้บางอย่างมันมา weight กัน คือเกรดเราอาจจะต่ำจริงแต่คะแนน GMAT ที่ได้ก็จะพิสูจน์เราประมาณนึงว่าเรามี Critical thinking มี Quant skill ที่เพียงพอที่จะเข้าไปเรียนในโรงเรียนเข้าได้ครับ

Q6: MIT มองหาคนแบบไหนครับ?

P’Kwan: ขวัญว่ามันเป็น overall ให้มองภาพว่ามหาลัยเขาอยากได้คนที่ค่อนข้างที่จะชัวร์ว่าพอรับเราเข้ามาแล้วจะเรียนแล้ว หนึ่งคือเราได้ความรู้เอามาต่อยอดให้ประสบความสำเร็จในอนาคตได้ เพราะว่าทุกโรงเรียนอยากได้เด็กที่เข้ามาแล้วออกไปประสบความสำเร็จ เพื่อให้ชื่อเสียงของโรงเรียนดียิ่งๆขึ้นไป เขาก็เลยเอาพวกนี้แหละมาวัด GMAT ถึงเป็นหนึ่งในนั้น เกรดถึงเป็นหนึ่งในนั้น Essay ถึงเป็นหนึ่งในนั้น แล้วก็รวมถึง profile, family profile ก็มีผลต่อการประสบความสำเร็จในอนาคต ขวัญรู้สึกว่า MIT ให้ value กับAnalytical skills เยอะประมาณนึง อาจจะด้วยความที่คลาสของเขา เน้นบางส่วนอาจจะมีความ technical มากกว่า หรือ Environment ที่นี้ด้วยความที่เป็น MIT เขาอาจจะชอบอะไรที่มันเป็น deep tech หรือคนที่มีความเป็น curiosity ประมาณว่าอยากรู้ว่าอะไรมันเป็นยังไง อีกอย่างหนึ่งคือเขาอาจจะสนใจคนที่มีความexecution ของเรา เพราะว่าอย่าง MIT มันคือประมาณว่า Mind and Hand  หนึ่งสมองและสองมือ เขาจะให้ value กับคนที่ทำ สมมติว่าเราเคยทำงานมาก่อน เราเคยอะไรมาก่อน เราสามารถโชว์ออกไปได้เยอะว่า นอกจากเราจะมี analytical skill แล้ว เราเป็นคนลงมือทำให้อะไรๆมันเกิดขึ้น เป็นคนทำ initiative ขึ้นมาครับ

Q7: ถ้าไม่ใช่วิศวะ เข้าได้ไหมครับ?

P’Kwan: เวลาดู profile background วิศวะแทบจะเป็นส่วนใหญ่เลยของ Sloan แต่ถ้าถามว่าคณะอื่นเข้าได้มั้ยจริงๆ แล้วเข้าได้ทุกคณะ แต่เอาจาก data เลยนะที่เป็นคนไทยด้วยนะ ในรุ่นผมนะ มีวิศวะ มีสถาปัตย์ มี business มี economics ขวัญรู้สึกว่าเขาไม่ได้อยากรับแต่วิศวะนะ แต่ส่วนใหญ่ candidate ที่เข้าไป คนจะคิดว่าต้องเป็นวิศวะเท่านั้น

Q8: ขั้นตอนการสมัครวิดีโอของ MIT เป็นยังไงครับ?

P’Kwan: คือ MIT เขามีรอบที่ให้เราส่งวีดีโอเข้าไป ขวัญจำไม่ได้แล้วว่าโจทย์ เนื้อหาหลักๆ มันเป็นยังไง แต่โดย overall คือเขาอยากเห็นตัวเราที่เป็นตัวเราจริงๆ อยากเห็นความเป็นเราว่าเราเป็นยังไง ซึ่งเขาเหมือนใช้ประกอบกับการอ่าน Essay ของเราว่าโอเค พอเขาอ่านของเราแล้ว ขอดูหน้าคนนี้หน่อยว่ามัน relate กันไหมอะครับ

Q9: พี่ขวัญมี Tips สำหรับ Video Essay ไหมครับ?

P’Kwan: คืออย่างแรกเลย เราคิดว่ากรรมการน่าจะต้องดูวิดีโอเป็นร้อย ๆ เลยคิดว่า Background มันต้องใช่ก่อน พอเขาเห็นของเรา มันต้องแตกต่างจากคนอื่น ซึ่งแตกต่างในเชิงที่ดีนะ หาอะไรที่ relate กับสิ่งที่เราจะพูดแล้วให้ background สื่อถึงสิ่งนั้น อย่างที่สองคือ หาเรื่องที่เรามี passion กับมัน เดี๋ยวตอนทำ application มันจะมีอยู่แล้วว่าเราเก่งเรื่องอะไร ท้ายที่สุดเราจะได้ reflex ตัวเอง เราอาจจะต้องยกสักเรื่องหรือสรุปของ 2-3 เรื่องก็ได้ เพราะจริงๆ เวลามันสั้นมากๆ เลือกเรื่องที่เรามี passion กับมันมากๆ เราพูดได้ เป็นเรื่องที่มัน impactful Background ประกอบกับเนื้อเรื่อง แล้วก็ ยิ้ม มั่นใจ เขาน่าจะชอบสิ่งนี้ครับ

Q10: ควรเขียน Essay อย่างไรครับ?

P’Kwan: ขวัญรู้สึกว่าแกนหลักมันยังเหมือนเดิม เราต้องโชว์ของที่เรารู้สึกว่าเรามั่นใจกับมันมากที่สุด แต่ว่าแกนของ MIT สิ่งสำคัญคือเรากำลังส่งไปบอกเขาว่าทำไมเขาถึงต้องรับเรามาเรียน เราเหมาะกับ MIT อย่างไร MIT จะช่วยอะไรเรา สิ่งที่เราต้องเขียนบอกเขาให้ชัดเจนว่าเราเหมาะกับที่นี่และที่นี่จะช่วยให้เราดีขึ้นได้อย่างไร หลักๆ เราอาจจะต้อง research school ว่าทำไม เนื้อหาของโรงเรียนนี้จะช่วยอะไร หลังจากที่เรารู้แล้ว เราจึงเอาหลักฐานซึ่งก็คือประสบการณ์จริงของเรา แล้วโชว์ให้เขาดูว่าเพราะสิ่งนี้เราถึงต้องเรียนกับคุณ สิ่งที่เราทำมันมี impact จริงๆ แล้วก็ impactful นักเรียนคนนี้กำลังทำสิ่งที่ challenging เพียงพอ มี impact ที่ใหญ่พอ และ MIT น่าจะช่วยสิ่งๆนี้ได้ครับ

Q11: Impact ต้องใหญ่แค่ไหนครับ?

P’Kwan: สำหรับขวัญ ขวัญคิดว่าต้องระดับประเทศ คือคนเราสามารถมี goal หลายขั้น มันมีทั้ง short term และ long term แต่ท้ายที่สุด แล้วเขาต้องการคนที่ทำ scale ที่มันใหญ่ เพราะถามว่าคนที่จบจาก Top U เหล่านี้ ถ้าไม่ได้มองแค่บ้านเรา สมมติเขาอยู่อเมริกา เขาเป็น CEO บริษัทระดับไหน user หรือ ผู้ใช้ต่าง ๆ มันมีกี่คน ซึ่งมันไม่ใช่ scale ที่เล็กระดับชุมชนหรือหมู่บ้าน อย่างน้อยๆ ต้องแบบระดับประเทศอะครับ

Q12: ณ วันที่กำลังจะสมัคร ถ้ายังไม่มีโปรเจคระดับประเทศจะทำยังไงดีครับ?

P’Kwan: ถ้าสมมติเราเลือกโปรเจคได้ ให้มองว่าเราอยากทำโปรเจคที่กระทบคนไทยเยอะที่สุด หรือถ้าเราทำอยู่ Global Company ก็ทำโปรเจคที่กระทบคนได้เยอะที่สุด ซึ่งจะเป็นโปรเจครูปแบบไหนก็ได้ เพราะว่ายังไงธุรกิจทุกวันนี้ที่เราทำอยู่ หนึ่งในแกนของธุรกิจคือการพัฒนาชีวิตของคนให้มันดีขึ้น เพราะฉะนั้นอะ เป้าหมายของเรา เราอาจจะเป็นคนที่ทำร้านค้า จะทำ business เล็กๆก็ได้หรืออะไรก็ได้ แต่เรามองว่า ณ วันนึงอะ รู้สึกว่ามันจะscale ขึ้นไปได้ เรามองว่าสิ่งนี้จะสร้าง impact ได้ ในวันนี้ เราอาจจะต้องมี prove ที่เราพูดเราไม่ได้พูดลอย ๆ ว่าตอนนี้กระจายไปและมันกำลังเติบโต มันมี potential ที่จะโตได้อีกครับ

Q13: Organization charts ของ MIT คืออะไรครับ?

P’Kwan: คือหลักๆเขาอยากรู้ว่าเราอยู่ตรงไหนในองค์กร คือบางทีเวลาเราพูดชื่อตำแหน่งไป ต้องนึกภาพว่าที่ไทยก็ไม่เหมือนที่อเมริกา ที่ประเทศอื่นๆ ก็เรียกไม่เหมือนกัน สมมุติคนนี้เป็น Vice president ของบางประเทศอาจจะเทียบไม่เท่ากับอีกประเทศนึง เพราะฉะนั้นสิ่งที่จะทำให้เข้าใจว่าตำแหน่งนี้อยู่ตรงไหนของ Organization เราก็คือการเขียน Org chart พอเขาเห็น Org chart ก็จะเข้าใจ จาก CEO ลงมาแล้วเราอยู่จุดไหน เป็นการบอกเขาให้ชัดเจน อีกอย่างนึง คือปกติเขาก็จะถามอยู่แล้วว่าเรา มี direct report เท่าไหร่ Org chart ก็เป็นส่วนนึงที่สามารถบอกได้ว่าเราทำงานร่วมกับใครอีกบ้าง

Q14: พี่ขวัญทำ Org chart เองไหมครับ?

P’Kwan: เราทำ PowerPoint เอง แต่ว่าเราเอาข้อมูลมาจากบริษัทนี่แหละ เราก็แค่ต้องแปล แล้วก็ make sure ว่าภาษาของเรา เขาเข้าใจ เราจะมีไฮไลท์นิดนึงว่าอันไหนที่เป็น CEO คือด้วยความที่ Org chart เราไม่ได้เขียนชื่อทุกคนเข้าไป แต่ว่าสิ่งที่เราเขียนคือ division คนนี้อยู่ฝ่ายนี้ เราก็ต้องบอกให้รู้ว่าว่า head of division อาจจะเรียกว่า SVP นะ แล้วก็อีกพ้อยท์นึง อย่างบริษัทขวัญ เขาจะให้ไฮไลท์ด้วยว่าบน Organization เราเนี่ยมีใครเป็น MIT Alumni บ้าง ถ้ามี นั่นก็คือเหตุผลที่ทำไมเราต้องมาทำ PowerPoint เองด้วย พอเราทำงานในองค์กรที่ใหญ่มาก แล้วมี Alumni อยู่ใน organization มันสามารถตอบโจทย์ได้หลายอย่าง อย่างแรกเลยองค์กรนี้มี Network ของ MIT อยู่ เพราะฉะนั้น เด็ก MIT ก็สามารถ leverage network ตรงนี้ได้ นั่นคืออย่างที่หนึ่ง อันที่สองคือมันสามารถโชว์ความสำเร็จของ MIT ได้ประมาณนึง เด็กเขาสามารถเป็นผู้บริหารระดับสูงบนองค์กรแบบนี้ได้ครับ

Q15: บรรยากาศ Interview โดย admission director เป็นยังไงครับ?

P’Kwan: อาจจะตอบยากนิดนึงเพราะขวัญสัมภาษณ์ผ่าน zoom (ช่วงโควิด) ซึ่งตอนของขวัญเนี่ยเขาให้ปิดกล้องเพราะเน็ตของเขาไม่ดี คือเราก็ใจไม่ดีแล้วเพราะเราคิดว่าการเห็นหน้ามันจะทำให้สามารถส่งสิ่งที่เราคิดได้มากกว่า จะ passion เอยอะไรเอย แต่ ณ ตอนนั้น เราก็ต้องทำให้เต็มที่ที่สุด ส่วนบรรยากาศคือ เขาค่อนข้างมีเซทคำถามอยู่ประมาณนึง แต่ MIT เขามักจะถามเจาะ หรือถามแทรก สมมติเราพูดอยู่เขาก็จะถามแทรกเลย เพราะเขาอยากเช็คว่าเราทำจริงรึเปล่าครับ


รับเคล็ดลับเรียนต่อฟรี ส่งถึงมือทุกสัปดาห์ 

น้องๆที่จะสมัคร ไปเรียนต่อ MBA หรือ Master’s Degree สายอื่น อย่าพลาด
ปรึกษาฟรี!!!! คลิกเลย FREE CONSULTATION
ฟังเรื่องราวความสำเร็จของนักเรียน MTU คลิกเลย

บทความที่เกี่ยวข้อง

TopUTalk EP08: กิจกรรมเพื่อสังคมสำคัญแค่ไหนใน MBA

กิจกรรมเพื่อสังคมสำคัญแค่ไหนใน MBA Application ทำกิจกรรมแบบไหนให้ได้เกรด A จากคณะกรรมการ มาฟังใน Podcast นี้กันค่ะ ครูพี่เจส ภัคศิกร ทับทิมทอง อดีต Admissions Committee ที่ Kellogg, Northwestern University และเป็นผู้บริหารบริษัท Mission To Top U TopU

Read More »

EP146: เรียน MBA vs MS โปรแกรมไหนที่เหมาะกับเรา #TopUTuesday

 MBA vs MS โปรแกรมไหนที่เหมาะกับเรา  ครูพี่เจส ภัคศิกร ทับทิมทอง อดีต Admissions Committee ที่ Kellogg, Northwestern University และเป็นผู้บริหารบริษัท Mission To Top U TopU Talk The Podcast · KruPJess.EP146:

Read More »
Scroll to Top